พระอาจารย์ อุบาลี อุตโล
ประวัติพระอาจารย์
|
พระอาจารย์อุบาลี อตุโลพระอาจารย์อุบาลี อตุโล เดิมชื่อ ลี เป็นบุตร นายทน ชะใบรัมย์ และนางมาก ชะใบรัมย์ เกิดที่บ้านดงกระทิง..(ปัจจุบันเป็นกิ่งอำเภอบ้านด่าน) ตำบลโนนขวาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา รวม ๙ คน ตามลำดับดังนี้
• นายเสาร์ ชะใบรัมย์ (ถึงแก่กรรม)
• นางสาวอ่อนสา ชะใบรัมย์
• พระอาจารย์อุบาลี อตุโล
• นายทองสุข ชะใบรัมย์
• นายสมุทร ชะใบรัมย์
• นายแก้ว ชะใบรัมย์ (ถึงแก่กรรม)
• นายสวัสดิ์ ชะใบรัมย์ (ถึงแก่กรรม)
• นายพัด ชะใบรัมย์
• นายสมาน ชะใบรัมย์
ชีวิตในวัยเด็ก
โยมแม่จองพระอาจารย์อุบาลีเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า...มีลูกทั้งหมด ๙ คน ก่อนตั้งครรภ์ลูกคนที่ ๓ คือพระอาจารย์อุบาลี ได้ฝันว่ามีคนนำพระมาใส่ในมือและได้รับไว้ เมื่อลูกคนที่ ๓ เกิดมาได้ตั้งชื่อว่า “.ลี.” เด็กชาย “.ลี.” มีนิสัยการกินที่แปลกกว่าทุกคนในบ้าน คือ เป็นเด็กที่ไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่มาตั้งแต่วัยเด็ก…และมีลักษณะนิสัยเรียบร้อยไม่เคยสร้างปัญหาให้กับพ่อแม่ ชอบวิ่งเล่นตามประสาเด็กไปไหนมาไหนมักจะไปกับตายายเป็นประจำ ไม่ว่าจะไปกลางนาหรือไปเลี้ยงควายตามทุ่ง เมื่อถึงวัย ๗ ปี เป็นวัยที่ควรต้องเรียนหนังสือพ่อแม่ได้ส่งเขาเรียนหนังสือในโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน...คือโรงเรียนบ้านดงกระทิง เรียนจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ พออายุได้ ๑๑ ปี เกิดล้มป่วยลงมีอาการท้องอืดและขาทั้ง ๒ ข้างไม่มีแรง จนในที่สุดเดินไม่ได้ ความยากจนไม่มีเงินรักษาลูกกับหมอสมัยใหม่ โยมแม่ก็ได้แต่พยายามหาหมอบ้านมารักษาหลายรายแต่ก็ไม่หาย...หมอบ้านบางคนบอกว่าจะต้องเสียชีวิตในเวลาอีกไม่นานนัก เพราะในสมัยนั้นเด็กที่เป็นโรคนี้จะรักษาไม่หายและต้องตายทุกราย
บวชสามเณร
พระอาจารย์อุบาลี ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ในช่วงเวลาที่ท่านเจ็บป่วยอยู่นั้นท่านไปไหนมาไหนไม่ได้ ทุก ๆ วัน...ก็ได้แต่นั่งมองเหม่อลอยอยู่แต่บนบ้าน….อยู่มาวันหนึ่งมีพระสงฆ์เดินผ่านบ้านมาให้เห็น...ในใจของท่านซึ่งตอนนั้นก็ยังเป็นเด็กอยู่ก็นึกขึ้นมาว่า…ถ้ามีใครมารักษาอาการโรคที่เป็นอยู่และทำให้เดินได้เป็นปกติ…จะบวชเป็นพระไปตลอดชีวิต ในช่วงเวลานั้น…ความที่เป็นเด็กก็ยังไม่เข้าใจในเรื่องการบวชพระแต่อย่างใด แต่ในใจกลับนึกขึ้นมาเอง...เหมือนคล้ายกับว่าเป็นการกล่าวสัจจะอธิษฐานในใจ และก็พอจำได้ว่าเวลาผ่านไปไม่นานนัก…มีหมอยาคนหนึ่งมาที่บ้านแต่งกายใส่กางเกงสีขาวเสื้อสีขาว…ท่านก็นึกว่าแม่ให้มารักษาเหมือนที่เคยให้หมอยาคนอื่นมารักษา…แต่ก็ยังไม่หายจากอาการเจ็บป่วย ด้วยความที่อยากหาย…จึงไม่ขัดข้องให้หมอยาคนดังกล่าวทำการรักษา หมอยาได้ใช้สมุนไพรต่าง ๆ บดเข้าด้วยกันและโปะลงที่ขา ๒ ข้าง ก่อนกลับหมอยาคนนั้นได้พูดสั่งไว้ว่า “เมื่อหายแล้วอย่าลืมที่ตั้งใจไว้นะ และอีก ๒๐ ปี จะมาหาอีก” ภายหลังหมอยากลับไปแล้ว จึงได้รู้จากโยมแม่ซึ่งเพิ่งกลับมาจากนาว่าไม่ได้บอกให้หมอยาคนนั้นมารักษา ไม่รู้ว่าหมอยานั้นมาจากที่ไหนและรู้ถึงความตั้งใจของท่านที่จะบวชเป็นพระไปตลอดชีวิตหากมีใครรักษาให้อาการเจ็บป่ายหายไปได้อย่างไร ต่อมาอาการโรคภัยต่างๆ ที่เป็นอยู่ก็เริ่มทุเลาลง อาการท้องอืดก็หายไป...ขาก็เริ่มมีเรี่ยวแรงและเดินได้ในที่สุดอย่างมีปาฏิหาริย์พระอาจารย์อุบาลีจึงได้เล่าให้โยมพ่อโยมแม่ฟังถึงเรื่องที่ตั้งใจไว้เมื่ออายุได้..๑๓ ปี โยมพ่อโยมแม่ก็สนับสนุนให้ทำตามที่ได้ตั้งใจไว้ โดยจัดให้บวชเป็นสามเณรที่วัดตะโค้ง บ้านดงกระทิง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่นั้นมาในปีแรกของการบวชเณรก็ได้อยู่ที่วัดตะโค้ง…เรียนธรรมะเบื้องต้น…ปฏิบัติหน้าที่ของสามเณรที่พึงมีต่อสงฆ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเป็นที่เมตตาของพระสงฆ์ในวัดตะโค้ง...ต่อมามีพระสงฆ์ที่เคยมาวัดจันทร์ตะวันตกชักชวนให้มาเที่ยวเมืองพิษณุโลก พระอาจารย์ก็มิได้ปฏิเสธแต่ก็ได้บอกว่าอยากให้พาไป..“.เมืองโอฆะบุรี..”..พระสงฆ์บอกว่าไม่รู้จัก และไม่มีเมืองชื่อ “..โอฆะบุรี ” พระอาจารย์อุบาลีเล่าว่าเหตุที่อยากไปเมืองโอฆะบุรี เนื่องจากในช่วงที่เป็นสามเณร ได้ฝันเห็นเมืองนี้บ่อยๆ จึงสงสัยว่าเมือง “.โอฆะบุรี.” จริงๆ จะเป็นอย่างไร..บวชเป็นสามเณรเวลาผ่านไป ๑ ปี ตรงกับปี พ.ศ. ๒๕๒๕ จึงได้เดินทางมาจังหวัดพิษณุโลก เพื่อศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติม โดยเข้าพักอาศัยอยู่ในวัดจันทร์ตะวันตกกับพระอธิการปิ่นอดีตเจ้าอาวาสวัดจันทร์ตะวันตก ในกุฏิหลังปัจจุบัน…เมื่อได้ศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมจึงได้ทราบภายหลังว่า เมืองพิษณุโลก…เป็นกลุ่มเมืองโบราณ ๓ เมือง คือ พิจิตร กำแพงเพชร และพิษณุโลก มีชื่อรวมกันว่า “ เมืองโอฆะบุรี ”
สามเณรเป็นพระสงฆ์
เมื่อบวชเป็นสามเณรแล้ว พ.ศ. ๒๕๒๕..ได้เดินทางมาอยู่ที่วัดจันทร์ตะวันตก ซึ่งในช่วงเวลาเป็นสามเณร...โยมพ่อขอให้สึกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจทำตามที่โยมพ่อขอได้ จนกระทั่งอายุครบบวชโยมพ่อจึงให้กลับไปบวชที่บ้านเกิดที่วัดตะโค้ง บ้านดงกระทิง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์...ภายหลังบวชเป็นพระก็ได้ลาโยมพ่อโยมแม่กลับมาที่วัดจันทร์ตะวันตก เล่าเรียนธรรมะจนสอบได้นักธรรม ตรีโท เอก โดยมีครูที่สอนให้ความรู้นำไปสอบ คือ..พระอธิการปิ่นให้ความรู้นักธรรมตรี พระอาจารย์ฉะอ้อน ให้ความรู้นักธรรมโท และพระอาจารย์ชุบ ให้ความรู้นักธรรมเอก นอกจากเรียนทางด้านธรรมะพระอาจารย์อุบาลี ยังได้มุ่งเน้นและมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรมโดยการนั่งสมาธิมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างเคร่งครัดมิได้ขาด มีพระครูหลวงปู่เทพโลกอุดร เป็นครูบาอาจารย์สอนการปฏิบัติ...ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดได้บอกญาติโยมว่า…ท่านปฏิบัติธรรมถึงขั้นมีการเข้านิโรธสมาบัติมาแล้วเป็นเวลามากกว่า ๑๐ ปี โดยมิได้บอกหรือแจ้งให้ใครรู้
เรื่องนี้มาก่อน
ทำนุบำรุงพระศาสนา
นับตั้งแต่เป็นสามเณรจนเป็นพระสงฆ์ในปัจจุบันพระอาจารย์อุบาลี นอกจากจะปฏิบัติภารกิจของการเป็นสามเณรและพระสงฆ์และมุ่งปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอมาแล้ว พระอาจารย์ยังช่วยเหลืองานด้านศาสนกิจของวัดจันทร์ตะวันตกมาโดยตลอด เป็นพระสงฆ์ที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนช่วยเหลือเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันพัฒนาวัดจันทร์ตะวันตก และมีผลงานที่เกิดจากศรัทธาของลูกศิษย์และญาติโยมที่มีต่อพระอาจารย์อุบาลี...ร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อพัฒนาวัดหลายประการ อาทิ การปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในวัดโดยการถมที่ดินปรับพื้นที่ในวัดให้สูงเสมอกันและสร้างถนนคอนกรีตเชื่อมต่อทั่วกันภายในบริเวณวัด...การซ่อมบำ รุงกุฏิพระสงฆ์ที่ทรุดโทรม สร้างห้องน้ำ ห้องส้วม สำหรับพระสงฆ์และญาติโยมปรับปรุงหอระฆัง สร้างศาลาเฉลิมพระเกียรติสำหรับปฏิบัติธรรมสร้างซุ้มประตูวัด..สร้างกำ แพงวัด..สร้างพระยืนปางอุ้มบาตร “หลวงพ่อ ทองไหลมา” และเป็นประธานในการจัดสร้างมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม...และหล่อสมเด็จองค์ปฐม...หน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๙ นิ้ว ทดแทนศาลาหลังเดิมที่มีอายุการใช้งานมานานแล้วพระอาจารย์อุบาลี ได้นำว่าน ๑๐๘ ที่ท่านสะสมมาหลายปีมาเป็นมวลสารในการสร้างพระรอดนิรมิส มี ๓ สี สีดำ สีใบตองแห้งและสีเนื้อมันปู โดยท่านได้อธิษฐานจิต ในวันที่ท่านออกจากนิโรธสมาบัติในปี ๒๕๕๐
จึงนับได้ว่าพระอาจารย์อุบาลี เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และยังได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สร้างถาวรวัตถุให้ชนรุ่นหลังได้สืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่ไทย…เป็นผู้นำญาติโยมในการปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ทุกวันศุกร์และวันพระ ณ กุฏิปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ วัดจันทร์ตะวันตก
รูปพระเครื่องวัดจันทร์ตะวันตก
ประวัติ และราคา สัปห์ดาหน้าแน่นอน
วีดีโอพระอาจารย์
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น